ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนทำให้เกิดการสูญเสียมิใช่น้อย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่าง ๆ ที่มีวันหยุดยาว ซึ่งก็มีหลากหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความประมาทของผู้ขับขี่ การไม่เคารพกฎจราจร ไม่ตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทาง โดยเฉพาะยางรถ หากเกิดเหตุการณ์ “ ยางรถระเบิด ” ไม่ว่าจะเป็นรถขนาดเล็กหรือใหญ่ก็นำไปสู่ความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้ แล้วคุณทราบหรือไม่ว่าการที่ยางระเบิดนั้นเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง วันนี้ อายฟลีต ได้รวบรวมสาเหตุที่ทำให้ ยางรถระเบิด รวมถึงวิธีป้องกันและวิธีรับมือเมื่อยางระเบิดแล้วในขณะนั้นเราควรปฏิบัติตัวอย่างไร มาดูกันครับ
สารบัญ

สาเหตุที่ทำให้ยางรถระเบิด มีดังนี้
1. ยางหมดอายุการใช้งาน
ของที่ผ่านการใช้งาน ย่อมเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา ยางรถยนต์ก็เช่นกัน ควรหมั่นตรวจสอบสภาพของยางรถ หากพบรอยแตกลาย ยางบวม ฉีกขาด หรือดอกยางหมดสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่ทันที
ถ้ายางยังอยู่ในสภาพดี แต่ใช้งานมานานเกิน 4 ปีแล้ว ก็ควรเปลี่ยนเช่นกันครับ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
2. ยางเก่าเก็บ
ยางเก่าเก็บ คือ ยางรถที่อยู่ในสภาพที่เก่าเก็บแล้วเอามาใช้ทดแทน เพราะไม่อยากเปลี่ยนของใหม่ จึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ายังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้จริง
3. ขับรถโดยใช้ความเร็วเกินพิกัดยางที่กำหนด
หากคุณขับรถโดยใช้ความเร็วเกินพิกัดยางที่กำหนดไว้ ก็สามารถทำให้เกิดยางระเบิดได้
4. บรรทุกน้ำหนักเกินค่าที่กำหนด
รถที่บรรทุกน้ำหนักมากเกินค่าที่กำหนดไว้ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดยางระเบิด
5. เติมลมยางไม่ถูกต้องตามมาตรฐานที่กำหนด
หากคุณเติมลมยางอ่อนเกินไป หรือแข็งเกินไป ย่อมส่งผลให้ยางระเบิดได้
6. เปลี่ยนยางใหม่แต่ใช้จุ๊บเติมลมอันเก่าอยู่
ฝาปิดจุ๊บเติมลมยางอันเก่าอาจชำรุดจากการใช้ไปนาน ๆ เนื่องจากสัมผัสกับสารเคมีหรือสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งการที่ฝาปิดจุ๊บเติมลมชำรุดหรือหายไปโดยไม่รู้ตัว หรือรู้แล้วแต่ไม่สนใจจะหามาปิดเหมือนเดิม จะทำให้กรวด น้ำ หรือสิ่งต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็กสามารถเข้าไปที่จุ๊บเติมลม แล้วทำให้วาล์วภายในซึ่งป้องกันลมออกนั้นจะเสียหายจนเกิดการรั่วได้
7. เลือกยางรถยนต์ ไม่ถูกขนาด
การเลือกใช้งานยางไม่ถูกประเภทหรือขนาด เช่น ยางทั่วไปไม่เหมาะกับสถาพทางบางประเภท หรือนำยางรถเก๋งมาใช้กับรถกระบะ เป็นต้น
8. ยางมีความร้อนสูงจัด
เนื่องจากเบรกติดที่ล้อใดล้อหนึ่ง กรณีนี้อาจทำให้เกิดไฟไหม้รถได้
9. แก้มยางเกิดการเสียดสีกับขอบถนนบ่อยครั้ง
เมื่อแก้มยางเกิดการเสียดสีกับขอบถนนบ่อยครั้ง จะส่งผลให้ยางเกิดการชำรุดเสียหายเร็วมากขึ้น ผู้ขับขี่จึงควรระมัดระวังในการขับรถ อย่าให้แก้มยางเสียดสีกับขอบถนน
10. เหยียบของมีคม
ยางคือชิ้นส่วนที่ต้องสัมผัสกับพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเราอาจขับไปเหยียบเศษแก้ว ตะปู หินคม เศษเหล็ก และอื่น ๆ อีกมากมาย อาจส่งผลให้ยางระเบิดได้เช่นกัน
11. แก้มยางโดนบาด
หากคุณต้องใช้รถยนต์ในเส้นทางที่เต็มไปด้วยก้อนหินขนาดใหญ่และหลุมลึก ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะความแหลมคมของก้อนหินหรือสันขอบหลุม อาจไปบาดที่แก้มยางได้ ซึ่งแก้มยางคือจุดที่บอบบางที่สุดของยาง หากตรวจพบว่ามีรอยบาดที่แก้มยาง ให้เปลี่ยนยางใหม่ทันที
12. ตกหลุมอย่างแรง
ถ้าคุณขับรถตกหลุมอย่างแรง น้ำหนักของตัวรถและแรงกดทั้งหมดจะถูกถ่ายเทมาที่ยาง ส่งผลให้แก้มยางบวมหรือระเบิดได้ ซึ่งอันตรายมาก ๆ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ ไม่ควรขับรถเร็ว และเมื่อเจอหลุมก็ควรชะลอรถ
13. ผู้ขับขี่ซื้อยางเปอร์เซ็นมาใช้งาน
ยางเปอร์เซ็น คือ ยางที่ใช้งานแล้ว โดยร้านยางจะซื้อต่อมาจากผู้ที่มาเปลี่ยนยางใหม่ ซึ่งจำนวนเปอร์เซ็นมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับความสึกของดอกยาง หากดอกยางตื้นมาก ๆ ก็ไม่ควรใช้ต่อไป เพราะจะทำให้เกิดอันตราย เนื่องจากไม่มีดอกยางหรือลายยางมากพอที่จะรีดน้ำออกได้ในขณะที่ขับรถตอนฝนตก ทำให้ยางไม่เกาะถนนและลื่นไถลได้ง่ายเมื่อทำการเบรก
โดยร้านยางจะนำยางที่หมดดอก หรือลายยางแล้วมาแกะลายเพิ่มเพื่อขายในราคาถูก ถ้าเราไปซื้อมาใช้งาน อาจจะทำให้เกิดอาการยางระเบิดได้
*วิธีการสังเกต ให้สังเกตที่สะพานยางว่ามีสะพานยางติดอยู่หรือไม่ หากไม่มีแสดงว่าร้านนำยางที่หมดดอกมาแกะใหม่แล้วนำมาขายในราคาถูก
“แล้วถ้าพื้นถนนร้อนจัด จะทำให้ยางระเบิดได้ไหม?”
เนื่องจากยางรถเป็นสิ่งที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรงอยู่แล้ว และพื้นถนนก็มีความร้อนจากแดดและอุณหภูมิ แต่ต้องบอกเลยว่า พื้นถนนที่ร้อนนั้น ไม่ได้มีผลอะไรกับยางรถ จนถึงขั้นที่จะทำให้ยางระเบิดได้ เพราะเวลาที่รถของเราวิ่ง ล้อรถจะหมุนไปเรื่อย ๆ ซึ่งจะมีแรงลมเข้ามาปะทะกับยางรถของเราอยู่แล้ว และลมที่พัดเข้ามานั้นจะช่วยลดอุณหภูมิลงไปได้

อาการเตือนก่อนที่ยางจะระเบิด
ในขณะที่เราขับรถอยู่นั้น เราจะรู้สึกถึงอาการสั่นแปลก ๆ ของพวงมาลัย และจะเริ่มบังคับรถได้ยากขึ้น โดยเฉพาะในขณะที่ทำการเลี้ยว ซึ่งไม่ใช่ปัญหาที่ช่วงล่าง ศูนย์ล้อ หรือการถ่วงล้อแต่อย่างใด แต่นี่คืออาการที่จะบอกเราว่า ยางรถเริ่มมีอาการบวมและพร้อมจะระเบิดแล้ว
ดังนั้น จึงควรชะลอความเร็วลง และจอดรถข้างทางหรือในบริเวณที่ปลอดภัย จากนั้นรีบลงไปตรวจสอบสภาพของยาง โดยที่พบส่วนมากยางจะมีอาการร้อนจัด และรู้สึกได้ว่าบวมขึ้น เนื่องจากยางเริ่มเสื่อมสภาพ
*ข้อสังเกต เมื่อเกิดเหตุยางระเบิด หากล้อระเบิดทางด้านซ้าย ไม่ว่าจะหน้าหรือหลังก็ตาม รถจะแฉลบไปทางซ้ายก่อน และสะบัดกลับไปมาซ้ายขวาสลับกัน แต่หากระเบิดทางด้านขวา จะเป็นฝั่งที่อันตราย โดยเฉพาะหากเกิดระเบิดในขณะที่ใช้ความเร็วสูงมาก ๆ เมื่อยางระเบิด รถจะเสียทรงและทำให้รถกลิ้งทันที (คล้ายคนทำม้วนหน้าเพื่อตีลังกา) และไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้น การขับรถที่ใช้ความเร็วสูง ๆ จึงมักจะแก้ไขอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้เลย
“แล้วจะทำอย่างไรถ้ายางรถระเบิด?”
วิธีการรับมือหากเกิดเหตุการณ์ยางระเบิด
เมื่อยางเกิดการระเบิดขึ้นในขณะที่กำลังขับรถ ไม่ว่าจะเป็นยางล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือ ตั้งสติ และควบคุมสติให้ดี แล้วปฏิบัติดังนี้
1) มือทั้งสองข้างต้องจับพวงมาลัยให้แน่นและมั่นคง
2) ค่อย ๆ ถอนคันเร่งออก
3) พยายามประคองพวงมาลัยให้รถอยู่บนเส้นทาง จากนั้นมองกระจกหลัง และกระจกมองข้าง เพื่อให้ทราบว่ามีรถใดตามหลังมาบ้าง
4) แตะเบรกอย่างแผ่วเบาและถี่ ๆ ห้ามแตะแรงเป็นอันขาด เพราะจะทำให้รถหมุนหรือเสียหลักได้
5) ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาด เพราะการเหยียบคลัตช์จะทำให้รถลอยตัว เนื่องจากระบบขับเคลื่อนที่เพลาจะตัดขาดแรงบิดจากเครื่องยนต์ ทำให้รถควบคุมได้ยากขึ้น และอาจเสียหลักพุ่งชนได้
6) ห้ามดึงเบรกมือ เพื่อพยายามหยุดรถอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้รถหมุนจนเกินควบคุมได้
7) เมื่อความเร็วลดลงพอประมาณแล้ว ให้รีบเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย แล้วพยายามเข้าชิดข้างทางให้มากที่สุด
8) เมื่อความเร็วลดลงในระดับที่ควบคุมได้ ให้เปลี่ยนเป็นเกียรต่ำลง และหยุดรถที่ข้างทางอย่างปลอดภัย
วิธีป้องกันอย่างง่าย ๆ เพื่อไม่ให้ยางระเบิด
ทางที่ดีควรหมั่นตรวจเช็กสภาพยางรถเป็นประจำทุกครั้ง โดยเฉพาะก่อนออกเดินทาง และควรเลือกใช้ยางที่มีคุณภาพ ไม่ใช้ยางซ้ำ รวมไปถึงใช้ความเร็วที่เหมาะสม ไม่ขับรถเร็วจนเกินไป เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง
ซึ่งในปัจจุบัน รถรุ่นใหม่ ๆ เดี๋ยวนี้มีเซนเซอร์เตือนลมยางมาให้แล้ว คุณก็อย่าลืมสังเกตที่สัญลักษณ์ไฟเตือนที่หน้าปัดนะครับ หรือถ้ารถคันไหนไม่มีก็ให้ตรวจเช็กลมยางอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง หรือหาซื้อ เซนเซอร์วัดระดับลมยางรถ ของ อายฟลีต มาติดตั้งก็สะดวกไปอีกแบบครับ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เซนเซอร์วัดระดับลมยางรถ (TPMS SENSOR)

ยางระเบิด ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ แต่ขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่ว่าดูแลเอาใจใส่ยางรถของคุณมากแค่ไหน ถ้าผู้ขับขี่ดูแลไม่ดีพอ ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรถของคุณได้ และทั้งหมดนี้ก็เป็นสาระดี ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามนะครับ เราไม่สามารถรู้เวลาที่ยางจะระเบิดได้ แต่เราสามารถป้องกันเพื่อไม่ให้ยางระเบิดได้ สนใจติดตั้ง เซนเซอร์วัดระดับลมยางรถ ติดต่อได้ที่ Line: @eyefleet หรือ โทร. 02-052-4466